1.
เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน
ในมูลหนี้สองรายอันมีวัตถุเป็นการอย่างเดียวกัน
และหนี้ทั้งสองรายนั้นถึงกำหนดชำระแล้ว
หนี้นั้นอาจระงับลงได้ด้วยการหักกลบลบหนี้เท่าจำนวนที่ตรงกัน
2. การแปลงหนี้ใหม่ก็เป็นการระงับหนี้อีกวิธีหนึ่ง
โดยคู่กรณีตกลงกันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญในหนี้
อันมีผลทำให้หนี้เดิมระงับไปแล้วเกิดหนี้ใหม่ขึ้นมาแทน
3. เมื่อมีเหตุที่ทำให้สิทธิเรียกร้องและความรับผิดในหนี้รายใดตกไปอยู่กับบุคคลคนเดียวกัน
ย่อมเป็นผลให้หนี้นั้นระงับสิ้นไปเพราะหนี้เกลื่อนกลืนกัน
1.1
หักกลบลบหนี้
1. การหักกลบลบหนี้กระทำได้เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน
ในมูลหนี้สองรายซึ่งถึงกำหนดชำระ
โดยฝ่ายที่ต้องการให้มีการหักกลบลบหนี้แสดงเจตนาเพียงฝ่ายเดียวไปยังคู่กรณี
โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายนั้น
2. การหักกลบลบหนี้อาจกระทำไม่ได้แม้จะเข้าหลักเกณฑ์ทั่วไปของการหักกลบลบหนี้
เนื่องจากมีกรณีที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้หลายกรณีด้วยกัน
3. การหักกลบลบหนี้มีผลทำให้หนี้ระงับไปเท่าส่วนที่ตรงกันในมูลหนี้
1.1.1 หลักเกณฑ์และวิธีการในการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้มีลักษณะทั่วไปและวิธีการที่จะต้องพิจารณาอย่างไรบ้าง
อธิบาย และเหตุใดจึงมีการหักกลบลบหนี้กันได้แม้จะเป็นการขืนใจคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง
สรุปหลักเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณาคือ
(มาตรา 341 342 343)
1) เป็นกรณีที่บุคคล 2 คน มีความผูกพันเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกันในหนี้สองรายและหนี้ดังกล่าวนั้นฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมาย
2) หนี้ทั้งสองรายนั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน
3) หนี้ทั้งสองรายนั้นต่างถึงกำหนดชำระในเวลาที่มีการขอหักกลบลบหนี้
4) สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำได้
วิธีหักกลบลบหนี้คือ
(1) ผู้ขอหักกลบลบหนี้แสดงเจตนาฝ่ายเดียวต่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้น
เพราะเป็นวิธีการที่จะทำให้หนี้ระงับสิ้นไป คู่กรณีหมดความผูกพัน
กฎหมายจึงบัญญัติให้กระทำได้โดยไม่จำเป็นต้องให้คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งยินยอม
ทั้งนี้การแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ก็ต้องเป็นไปตามหลักเรื่องการแสดงเจตนาในลักษณะนิติกรรมด้วย
(2) การแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้จะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไม่ได้
(3) การหักกลบลบหนี้กระทำได้ แม้สถานที่ซึ่งจะต้องชำระหนี้ทั้งสองรายจะต่างกัน
แต่ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้ต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งหากเกิดความเสียหายอย่างใดๆ
ขึ้น





1.1.2 กรณีที่หักกลบลบหนี้กันไม่ได้
ข้อห้ามมิให้มีการหักกลบลบหนี้มีกี่กรณี
อย่างไรบ้าง อธิบายพอเป็นสังเขป
จากมาตรา 341 และมาตรา
344-347 สรุปได้คือ จะหักลบกลบหนี้กันไม่ได้ถ้า
1)
สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำได้
2)
คู่กรณีแสดงเจตนาไม่ให้มีการหักกลบลบหนี้
3)
สิทธิเรียกร้องนั้นเป็นสิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้
4)
หนี้นั้นเกิดจากการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
5)
หากเป็นสิทธิเรียกร้องที่ศาลสั่งยึดไม่ได้ก็ขอหักกลบลบหนี้ไม่ได้
6)
เป็นกรณีซึ่งศาลสั่งห้ามลูกหนี้ใช้เงินแก่ลูกหนี้แล้ว






1.1.3 ผลของการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้ทำให้เกิดผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง
อธิบาย
การหักกลบลบหนี้มี 4
ประการ
1) ผลโดยตรงตามมาตรา 341 คือ เมื่อมีการหักกลบลบหนี้แล้ว หนี้ของทั้งสองฝ่ายก็ได้ระงับสิ้นไปเท่าส่วนจำนวนที่ตรงกัน
เช่น ถ้าต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ด้วยเงิน 100 บาทเท่ากัน เมื่อมีการหักกลบลบหนี้
ก็มีผลทำให้หนี้ระงับไปโดยสิ้นเชิงทั้งคู่
แต่ถ้าทั้งสองรายมีจำนวนไม่เท่ากันเมื่อมีการหักกลบลบหนี้ ผลก็จะเป็นไปตามมาตรา
341 ที่ว่าลูกหนี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลุดพ้นจากหนี้ของตนด้วยหักกลบลบกันได้เพียงที่จำนวนที่ตรงกัน
2) ผลของการหักกลบลบหนี้ย้อนไปถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้น อาจจะหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก
มิใช่มีผลในวันแสดงเจตนา ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 342
3) การหักกลบลบหนี้ในกรณีที่สถานที่ซึ่งจะต้องชำระหนี้ทั้งสองนั้นต่างกัน
หากเป็นผลทำให้เกิดความเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้จะต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายหนึ่งนั้น ตามมาตรา 343
4) ในกรณีที่บุคคลซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกันอยู่มีหนี้ที่จะหักกลบลบหนี้กันนั้นอยู่หลายราย
ปัญหาว่าจะเอาหนี้รายใดมาหักกลบลบกันก่อน นั้นมีบัญญัติไว้ในมาตรา 348
ก.
เป็นลูกหนี้เงินกู้ของ ข. อยู่ 500 บาท กำหนดชำระในวันที่ 2 มิถุนายน 2520 ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ข.
เป็นหนี้ค่าซื้อสินค้าจาก ก. 300 บาท และยังไม่ได้ชำระเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 10
มิถุนายน 2521 ข. เรียกให้ ก. ชำระหนี้เงินกู้ 500 บาท แก่ตน ก.
จะมีทางขอหักกลบลบหนี้กับ ข. ในหนี้ค่าซื้อสินค้าซึ่ง ข. มีต่อตนอยู่ได้เพียงใดหรือไม่
ตามอุทาหรณ์ ก.
ขอหักกลบลบหนี้กับ ข. ได้ในจำนวนหนี้ที่ตรงกัน คือ 300 บาท
และผลของการหักกลบลบหนี้ย้อนหลังไปถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2520
1.2
แปลงหนี้ใหม่
1.
การแปลงหนี้ใหม่มีสาระสำคัญซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตัวมันเอง
ซึ่งแตกต่างจากหลักเกณฑ์ในเรื่องความระงับหนี้อื่นๆ
และหลักเกณฑ์ในลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกัน
2.
การแปลงหนี้ใหม่กระทำได้โดยคู่กรณีตกลงทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญในหนี้นั้น
3.
ผลของการแปลงหนี้ใหม่ทำให้หนี้เดิมรวมทั้งประกันของหนี้เดิมระงับสิ้นไปโดยมีหนี้ใหม่เกิดขึ้นมาแทนผูกพันคู่กรณีต่อไป
1.2.1 บทนำ
การแปลงหนี้ใหม่มีลักษณะแตกต่างจากเรื่องต่อไปนี้อย่างไร
ก.
การชำระหนี้อย่างอื่นตามมาตรา 321
ข.
การโอนสิทธิเรียกร้อง
ค.
การรับช่วงสิทธิ
หลักเกณฑ์ตามมาตรา
321 306 และมาตรา 226 และ 229











1.2.2 หลักเกณฑ์ของการแปลงหนี้ใหม่
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแปลงหนี้ใหม่
มีสาระสำคัญอย่างไรบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
หลักเกณฑ์สำคัญตามมาตรา
349-351





ก. เป็นหนี้ ข.
อยู่ 3,000 บาท แล้วไม่มีเงินชำระ จึงตกลงกับ ข. ด้วยวาจาขายม้าให้ ข. 1 ตัว
โดยเอาหนี้เงินกู้ 3,000 บาท เป็นราคาม้า กรณีนี้
เป็นการแปลงหนี้ใหม่ที่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่
ตามอุทาหรณ์
หนี้ใหม่คือการซื้อขายถ้าไม่เกิด เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา
456 หนี้เงินกู้ไม่ระงับ ข. ยังมีสิทธิฟ้องร้องให้ชำระหนี้เงินกู้อยู่

1.2.3 ผลของการแปลงหนี้ใหม่
การแปลงหนี้ใหม่ทำให้เกิดผลในทางกฎหมายในหนี้นั้น
แตกต่างจากความระงับหนี้ในประการอื่นที่ได้ศึกษามาแล้ว เช่นการชำระหนี้ การปลดหนี้
การหักกลบลบหนี้อย่างไร อธิบายให้เหตุผลประกอบ
หลักในมาตรา 349
ซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงมาตรา 352
การแปลงหนี้ใหม่ทำให้เกิดผลโดยตรงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
349 วรรค 1 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า
หนี้เก่าเป็นอันระงับสิ้นไปโดยมีหนี้ใหม่เข้าผูกพันแทนที่






1.3
หนี้เกลื่อนกลืนกัน
1.
หนี้โดยทั่วๆ
ไปอาจเกลื่อนกลืนกันได้ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้รายใดรายหนึ่ง
มาตกอยู่ในบุคคลคนเดียวกัน
2.
การที่หนี้เกลื่อนกลืนกันไปในบุคคลคนเดียวกัน
มีผลทำให้หนี้นั้นระงับสิ้นไปตลอดถึงหนี้อุปกรณ์ด้วย
3.
มีกรณีที่บุคคลจะอ้างว่าหนี้ระงับสิ้นไปเพราะเหตุที่มีการเกลื่อนกลืนกันไม่ได้
หากหนี้นั้นตกไปอยู่บังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก
หรือเมื่อมีการสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามข้อบัญญัติในเรื่องตั๋วเงิน
1.3.1 หลักเกณฑ์ในเรื่องหนี้เกลื่อนกลืนกัน
1.3.2 ผลของการที่หนี้เกลื่อนกลืนกัน
การที่หนี้เกลื่อนกลืนกันได้มีหลักเกณฑ์อย่างไร
และทำให้เกิดผลอย่างไร อธิบาย
หลักเกณฑ์ตาม มาตรา 353




ก. เป็นหนี้ ข. โดยมี ค.
เป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมา ข. ตายโดย ค. ได้รับมรดกของ ข. แต่เพียงผู้เดียว ถ้า ค.
จะใช้สิทธิในฐานะเป็นทายาทของ ข. ฟ้อง ก. ให้ชำระหนี้รายนี้ จะกระทำได้หรือไม่
กรณีตามอุทาหรณ์
ค. ฟ้อง ก. ให้ชำระหนี้ได้
กรณีนี้เป็นเรื่องหนี้เกลื่อนกลืนกันเฉพาะหนี้อุปกรณ์ซึ่งกระทบถึงหนี้ประธาน
หนี้ประธานยังไม่ระงับ
1.3.3 กรณีที่หนี้เกลื่อนกลืนกันไม่ได้
มีกรณีใดบ้างที่หนี้ไม่ระงับเพราะเหตุที่จะอ้างที่หนี้เกลื่อนกลืนกันไม่ได้
อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
อ้างตามมาตรา 353 ตอนท้าย
ซึ่งมีอยู่ 2 กรณี คือ
1)
เมื่อหนี้นั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก
2)
เมื่อสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามความใน มาตรา 917 วรรค 3
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 10
1. การหักกลบลบหนี้จะกระทำมิได้ ถ้า (ก) คู่กรณีตกลงกันไว้ไม่ให้มีการหักกลบลบหนี้
(ข) หนี้ที่จะขอให้มีการหักกลบลบกับหนี้อีกรายหนึ่งนั้นเป็นหนี้ละเมิด (ค) สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้หักกลบลบหนี้ได้
2. การหักกลบลบหนี้มีผลตั้งแต่ เวลาที่หนี้ทั้งสองฝ่ายจะหักกลบลบกันได้เป็นครั้งแรก
3. การแปลงหนี้ใหม่ เป็นสัญญาระหว่างคู่กรณีที่เกี่ยวข้องเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ เพื่อเลิกหรือระงับหนี้เดิมแล้วก่อหนี้ใหม่ขึ้นมาแทน
4. การเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ในการแปลงหนี้ใหม่เช่น เปลี่ยนหนี้เงินกู้เป็นขายฝากที่ดิน
5. การเปลี่ยนแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กระทำได้โดย เจ้าหนี้ทำสัญญากับลูกหนี้คนใหม่ได้เลยโดยลูกหนี้คนเดิมไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำสัญญาด้วย
แต่จะทำโดยขืนใจลูกหนี้เดิมไม่ได้
6. การที่หนี้เกลื่อนกลืนกันได้แก่กรณีดังต่อไปนี้ ดำเป็นหนี้แดง
แดงตาย ดำได้รับมรดกจากแดงแต่เพียงผู้เดียว ดำจึงกลับมาเป็นเจ้าหนี้ตนเองในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรับชำระหนี้ของแดง
7. การที่หนี้เกลื่อนกลืนกันมีผลทำให้ หนี้นั้นระงับสิ้นไปโดนสิ้นเชิงทั้งหนี้ประธานและหนี้อุปกรณ์
8. ในกรณีต่อไปนี้บุคคลจะยกข้ออ้างว่าหนี้เกลื่อนกลืนกันไม่ได้ เมื่อหนี้นั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก
ขอบคุณมากครับ
ReplyDelete